จะเลือกซื้อตู้แอมป์สักเครื่อง ‼ มีปัจจัยอะไรให้พิจารณาบ้าง ❓

1. ประเภทของตู้แอมป์

• Combo Amp  เป็นตู้แอมป์ที่รวมเอาภาคขยาย (Amplifier) และลำโพง (Speaker) ไว้ในตู้เดียวกัน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น, การซ้อม, หรือการแสดงในสถานที่เล็กๆ

• Head and Cabinet  แยกภาคขยาย (Head) ออกจากลำโพง (Cabinet) ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งเสียงและเลือกขนาดของลำโพงได้มากกว่า เหมาะสำหรับมืออาชีพหรือผู้ที่ต้องการเสียงที่หลากหลาย

2. กำลังขับ (Wattage)

• 5-30 วัตต์  เหมาะสำหรับการซ้อมในห้อง, เล่นในบ้าน หรือสตูดิโอขนาดเล็ก

• 30-100 วัตต์  เหมาะสำหรับวงดนตรี, การแสดงสดในผับหรือร้านอาหาร

• 100 วัตต์ขึ้นไป  เหมาะสำหรับเวทีคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ หรือต้องการเสียงที่ดังกระหึ่ม

3. ขนาดและจำนวนลำโพง

• 1×10″, 1×12″  ลำโพงเดี่ยวขนาด 10 หรือ 12 นิ้ว ให้เสียงที่ชัดเจน เหมาะสำหรับแนวเพลงที่ไม่ต้องการเสียงเบสที่หนักมาก

• 2×12″  ลำโพงคู่ขนาด 12 นิ้ว ให้เสียงที่กว้างและมีมิติมากขึ้น เหมาะสำหรับแนวเพลงร็อค, บลูส์, หรือเพลงที่ต้องการเสียงกีตาร์ที่โดดเด่น

• 4×12″  ลำโพง 4 ดอกขนาด 12 นิ้ว ให้เสียงที่ใหญ่, หนักแน่น, และมีพลัง เหมาะสำหรับแนวเพลงเมทัล, ฮาร์ดร็อค หรือการแสดงบนเวทีใหญ่

4. ประเภทของลำโพง (Speaker Type)

• Celestion  เป็นแบรนด์ลำโพงยอดนิยม ให้เสียงที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับรุ่น (เช่น Vintage 30, Greenback)

• Eminence  อีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยม มีรุ่นให้เลือกหลากหลายเช่นกัน

• Jensen  มีชื่อเสียงในด้านเสียงที่ใสและสะอาด มักใช้ในแอมป์ Fender

5. โครงสร้างตู้ (Cabinet Construction)

• Open-Back: ด้านหลังตู้เปิด ให้เสียงที่กว้างและโปร่ง เหมาะสำหรับแนวเพลงที่ไม่ต้องการเสียงเบสที่แน่นมาก

• Closed-Back ด้านหลังตู้ปิด ให้เสียงที่พุ่ง, มีทิศทาง, และมีเสียงเบสที่แน่น เหมาะสำหรับแนวเพลงร็อค, เมทัล

• ไม้  วัสดุที่ใช้ทำตู้มีผลต่อเสียง ไม้เนื้อแข็ง (เช่น Birch, Maple) ให้เสียงที่ชัดและพุ่ง ส่วนไม้เนื้ออ่อน (เช่น Pine) ให้เสียงที่อุ่นและนุ่ม

6. งบประมาณ

• ตั้งงบประมาณที่เหมาะสม และหาตู้แอมป์ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดในงบประมาณนั้น

7. การทดลองเล่น

• สำคัญที่สุดคือการไปลองเล่นด้วยตัวเอง ลองเล่นกับกีตาร์และเอฟเฟกต์ที่ใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงที่ได้ตรงกับความต้องการ

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อตู้แอมป์ 😊